โครมบุ๊ค อาวุธชิ้นใหม่ของ Google ในการขยายอำนาจไอที

การต่อสู้ระหว่างบริษัทไอทีและคอมพิวเตอร์เพื่อแย่งชิงตลาดด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ยังคงทวีความดุเดือดอย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อ Google ได้กลายมาเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดของ Microsoft อีกครั้ง

MediaPad 'แท็บเล็ตตัว'แรกของบริษัท Huwei

หัวเว่ย (Huwei) ประกาศเปิดตัว MediaPad 'แท็บเล็ตตัว'แรกของทางบริษัทที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 7 นิ้ว และทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 3.2 ซึ่งการทำงานส่วนใหญ่จะไม่ต่างจาก Android 3.1 มากนัก ยกเว้นการออกแบบให้ทำงานบนแท็บเล็ตจอที่มีขนาดเล็กได้ดีกว่า MediaPad ของ Huawei จะมีหน้าจอ LCD ทำงานในระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว สามารถเล่นวิดีโอ 1080 HD ได้อย่างลื่นไหล พร้อมพอร์ต HDMI โดยภายในใช้ซีพียูดูอัลคอร์ของ Qualcomm ความเร็ว 1.2GHz กล้องหน้า 1.3 ล้านพิกเซล และกล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล.

Nokia และ ِApple ตกลงเรื่องสิทธิบัตร

หลังจากเป็นคดีกันอยู่ระยะเวลาหนึ่ง ในที่สุด Apple ก็ปิดการเจรจากับ Nokia แบบต่างฝ่ายต่างพอใจในข้อตกลงที่ลงตัวกัน เป็นที่เเรียบร้อยแล้ว ในวงการ ไอทีโลกไม่เฉพาะแค่สองคู่กรณีนี้เท่านั้นที่มีปัญหาในเรื่องนี้ บริษัทที่ดังๆ หลายบริษัทก็เป็นคู่ กรณีในเรื่องแบบนี้อยู่ในศาลกันมากมายเช่นกัน การฟ้องกันระหว่างบริษัทอันเนื่องมาจากบรรดาสิทธิบัตรต่างๆ ดูจะเป็นเรื่องที่ใช้ได้ผล ทั้งในแง่หารายได้ กับเอาไว้สกัดขาคู่แข่งบ้าง คดีหนึ่งที่เคยเป็นข่าวผ่านมา นั้นคือเรื่องของ Nokia ฟ้อง Apple ข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์สิทธิบัตรเทคโนโลยีการสร้างโทรศัพท์

กูเกิล อินสตั้น เพจ ความรวดเร็วในการค้นหา

รายงานข่าวที่เกียวกับ Google อีกสักชิ้นนะครับ เพราะช่วงนี้ดูท่าจะเร่งเครื่องบริการอย่างเต็มที่ (ล่าสุดรุกหนัก แม้แต่ทีวีในบ้านเรายังมีโฆษณาบราวเซอร์ Chrome โผล่ให้เห็นเป็นระยะๆ) หลังจากเมื่อวานได้แนะนำการค้นหาด้วยเสียงพูด และภาพแล้ว วันนี้ Google ประกาศเปิดตัวบริการ Instant Pages อย่างเป็นทางการ ซึ่งคุณสมบัติใหม่นี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปิดเข้าหน้าเว็บจากลิงค์ผลลัพธ์ ได้เร็วขึ้นกว่าเดิมได้แทบจะทันที เมื่อคืนนี้ตามเวลาในบ้านเรา Google ได้ประกาศเปิดตัวคุณสมบัติใหม่ที่เรียกว่า Instant Pages

Nook Touch ความลงตัวของการท่องเว็บบนเครื่องอ่านอีบุ๊ค

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.This theme is Bloggerized by Lasantha Bandara - Premiumbloggertemplates.com.

4.26.2557

การติตั้งเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์ -ระบบแลน


   การติดตั้งอุปกร์เครื่อค่ายคอมพิวเตอร์ใช้ในบ้าน


จะขออธิบาย การต่อ Computer ใช้ แบบ ดังนี้
1.การต่อ Computer แบบ ใช้สาย แบบระบบ  LAN
2.การต่อComputer แบบไร้สาย  แบบ Wireless LAN
1.วิธีต่อสายแลน
มีการต่อสายแลนมี แบบ
1.การต่อแบบตรง Straig Through Cable
2.การต่อแบบไขว้ Crossover Cable 

1.การเข้าหัวแบบสายตรง ( Straight-through cable EIA/TIA 568B ) 

ปลายสายด้านที่ 1
ลำดับสาย
การเรียงสี
ปลายสายด้านที่ 2
1
ขาว-ส้ม
2
ส้ม
3
ขาว-เขียว
4
น้ำเงิน
5
ขาว-น้ำเงิน
6
เขียว
7
ขาว-น้ำตาล
8
น้ำตาล
ใช้ต่อเชื่อมกับอุปกรณ์ดังต่อไปนี้
อุปกรณ์ต้นทาง
อุปกรณ์ปลายทาง
HUB
computer
Switch
computer

2.การเข้าหัวแบบสายไขว้ ( Crossover cable EIA/TIA 568A & 568B )

ปลายสายด้านที่ 1
ลำดับสาย
การเรียงสี

ลำดับสาย
การเรียงสี
ปลายสายด้านที่ 2
1
ขาว-เขียว

1
ขาว-ส้ม
2
เขียว

2
ส้ม
3
ขาว-ส้ม

3
ขาว-เขียว
4
น้ำเงิน

4
น้ำเงิน
5
ขาว-น้ำเงิน

5
ขาว-น้ำเงิน
6
ส้ม

6
เขียว
7
ขาว-น้ำตาล

7
ขาว-น้ำตาล
8
น้ำตาล

8
น้ำตาล

ใช้ต่อเชื่อมกับอุปกรณ์ดังต่อไปนี้

อุปกรณ์ต้นทาง
อุปกรณ์ปลายทาง
HUB
HUB
Switch
Switch
Switch
HUB
Computer
Computer

วิธีการเข้าสาย UTP กับขั้ว RJ45
1. นำสาย UTP มาปอกฉนวนหุ้มที่ปลายสายทั้งสองด้านยาวประมาณ ซ.ม. เมื่อปอกแล้วจะพบเห็นสายอยู่ คู่ บิดเป็นเกลี่ยวแยกสีไว้ชํดเจน

  2. คลายเกลียวที่สายออก แล้วแรียงสายตามสีที่กำหนด แบ่งการเชื่อมต่อสายสัญญาณได้2วิธี
                                  
   3. เมื่อเรี่ยงสายตามสีในขั้นตอนที่ แล้วตัดสายให้เหลือประมาณ 1.5 ซ.ม.
   4. เสียบสาย UTP ที่ตัดและเรียงสีไว้แล้ว เข้าไปในขั้วต่อ RJ45 โดยให้หมายเลขสายที่เรากำหนดไว้ตามขั้นตอนที่1และตรงกับหมายเลขขั้ว RJ45

5. เสียบขั้ว RJ45 เข้าไปในร่องคีม ดันสาย UTP ให้สนิทอีกครั้ง แล้วใช้มือบีบด้ามคีมให้แน่น โลหะทองเหลืองของขั้ว RJ45 จะเข้าไปสัมผัสกับสายทองแดง ข้อควรระวัง การดึงหัว RJ45ออกจากคีมให้ใช้มืบหางพลาสติกสำหรับสำหรับล็อกก่อน





1.การต่อ Computer  แบบ ใช้สาย แบบระบบ  LAN
การต่อสาย LAN เข้ากับคอมพิวเตอร์
การต่อสายของระบบ LAN จะมีสองแบบหลักๆคือ Bus และ Star ถ้าจะต่อแบบประหยัดก็ใช้แบบ Bus เพราะไม่ต้องใช้ HUB แต่ว่าหากเครื่องในระบบมากอาจจะเกิดปัญหาจุกจิกได้ เนื่องจากสายหลุด หรือสายขาดเพียงจุดใดจุดหนึ่งก็จะทำให้ระบบไม่สามารถใช้งานได้ทั้งหมด เราลองมาดูเลยว่าต่อยังไง
           การต่อ Computer แบบระบบ BUS
        การต่อ Computer แบบระบบ STAR

ระบบ Star เมื่อสายขาด หรือ หลุดเสียหายจะมีผลกระทบกับคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น
สายที่ใช้ในระบบ Bus จะเป็นสาย Coaxial คล้ายๆสายอากาศทีวี ส่วนสายในระบบ Star จะเป็นสาย UTP หรือเรียกแบบไทยๆว่าสายคู่ตีเกลียว จะมี คู่ หรือนับทั้งหมดได้ เส้น การต่อสายในกรณีใช้กับ HUB ดังรูป จะต่อสายแบบปกติ pin ต่อ pin ไม่มีการสลับ ส่วนการต่อแบบ Cross นั้นจะกล่าวต่อไปว่าใช้เมื่อไหร่อย่างไร การต่อแบบ Bus จะวุ่นวายกว่านิดหน่อย คือจะต้องมี T-Connector และ Terminator มาวุ่นวาย การต่อ ก็จะต่อดังรูป ให้นำ T-Connector ต่อกับการ์ด LAN ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกตัวจากนั้นเครื่อง หัว-ท้าย ให้ ปิดด้วย Terminator เพื่อให้สัญญาณวนครบตลอดทั้งระบบ Bus
ต่อแบบ 2 เครื่องโดยใช้สาย UTP การต่อแบบนี้จะใช้ได้แค่ เครื่องเท่านั้นไม่สามารถขยายได้อีกเลยเพราะจะต้องใช้สาย UTP แบบ Cross เท่านั้น



สาย Cross สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์และสาย Network ทั่วไป
ต่อ Star ใช้ HUB หลายตัว การขยาย HUB เพื่อเพิ่ม Port ให้มากขึ้นกว่าเดิม จะมีการต่ออยู่สามสี่แบบคร่าวๆ ต่อไปนี้
1. HUB บางยี่ห้อมีตัวต่อพิเศษที่สามารถนำ HUB ยี่ห้อและรุ่นเดียวกันอีกตัวมาซ้อนทับได้เลยทันที
2. ถ้า HUB ที่มีหัว BNC (แบบที่ใช้ต่อสาย Coaxial) สามารถต่อเชื่อมกันด้วยสาย Coaxial จะได้ประหยัด Port
3. ถ้า HUB ที่ไม่มีหัว BNC จะมีช่องเสียบสาย UTP อยู่ 1 Port เขียนว่า UP-LINK ให้ใช้สาย UTP แบบธรรมดา (ไม่ใช่สาย Cross) เสียบช่อง UP-LINK และไปเสียบที่ช่องธรรมดา (ไม่ใช่ช่อง UP-LINK) ของอีก HUB นึง
4. ถ้าไม่มีช่อง UP-LINK ให้ใช้สาย Cross ต่อระหว่าง Port ใด Port หนึ่งก็ได้ระหว่าง HUB สองตัว

อุปกรณ์
เนื่องจากการต่อLanมีหลายแบบและอุปกรณ์ที่ใช้ก็มีแตกต่างกันไปแต่ที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะแบบ BUS ซึ่งเป็นการต่อ Computer ทุกตัวกับ สาย Cable ตามแนวของสายCable [โดยใช้สายCoaxial]
ข้อดีของแบบ BUS ก็คือง่าย และ ประหยัด ทีนี้ก็เริ่มว่าต้องใช้อะไรบ้าง
1.Lan Card เท่า จำนวนComputer ที่ต้องการต่อ จะเป็นแบบ PCI[เขาว่าเร็ว] หรือ ISAก็ได้ โดยให้มีขั้วต่อแบบ BNC ด้วย [เพราะบางCardจะมีเฉพาะRJ-45 ,บางอันมีครบ3อย่างคือมี AUI ด้วย]


2. T-Connectorเท่าจำนวน Lan Card , Terminator2 อัน [ 50 ohm] สำหรับปิดเครื่องหัว-ท้าย สำหรับTerminator ถ้าฉุกเฉินจริงๆ ก็ใช้ ความต้านทาน 50 ohm1/2 wattแทนได้


3.สาย Coaxial RG 58 ซึ่งเป็นสาย 50 ohm [พร้อม BNC Connector ] จำนวนตามที่ต้องการต่อ [สายที่ใช้กับTV ใช้ไม่ได้ เพราะสาย TV เป็น สาย 75 ohm] ถ้าท่านพอจะมีความรู้ทางช่าง อยู่บ้าง จะซื้อสาย Coaxial กับ ขั้ว BNC มาต่อเองก็ได้


รูปแสดงการเชื่อมโยงระหว่างCom.ที่ขั้ว BNC




ในกรณีที่เราจะใช้ขั้วต่อที่ RJ-45 Connector ต้องใช้สาย UTP[ซึ่งเป็นสาย 100 ohm]
2.การต่อแบบไร้สาย  แบบ Wireless LAN
ระบบเครือข่ายไร้สาย 
          ระบบเครือข่ายไร้สาย หรือ ระบบเครือข่ายแบบ Wireless LAN หรือ WLAN  เป็นการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เป็นเครือข่ายแบบไร้สาย (ไม่จำเป็นต้องเดินสายเคเบิ้ล) เหมาะสำหรับการติดตั้งในสถานที่ที่ไม่สะดวกในการเดินสาย หรือในสถานที่ที่ต้องการความสวยงาม เรียบร้อย และเป็นระเบียบ เช่น สนามบิน โรงแรม ร้านอาหาร เป็นต้น
หลักการทำงานของระบบ Wireless LAN
          การทำงานจะมีอุปกรณ์ในการส่งสัญญาณ และกระจายสัญญาณ หรือที่เราเรียกว่า Access Point และมี PC Card ที่เป็น LAN card สำหรับในการเชื่อมกับ access point โดยเฉพาะ การทำงานจะใช้คลื่นวิทยุเป็นการรับส่งสัญญาณ โดยมีให้เลือกใช้ตั้งแต่ 2.4 to 2.4897 Ghz และสามารถเลือก config ใน Wireless Lan (ภายในระบบเครือข่าย Wireless Lan ควรเลือกช่องสัญญาณเดียวกัน)
ระยะทางการเชื่อมต่อของระบบ Wireless LAN
          ภายในอาคาร 
          1. ระยะ 50 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 11 Mbps 
          2. ระยะ 80 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 5.5 Mbps 
          3. ระยะ 120 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 2 Mbps 
          4. ระยะ 150 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 1 Mbps 
          ภายนอกอาคาร 
          1.ระยะ 250 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 11 Mbps 
          2. ระยะ 350 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 5.5 Mbps 
          3. ระยะ 400 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 2 Mbps 
          4. ระยะ 500 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 1 Mbps
การเชื่อมต่อของระบบเครือข่าย Wireless LAN มี ลักษณะ ดังนี้
ที่แพร่กระจายออกมา ถ้าใช่ข้อมูลของตนก็จะนำข้อมูลเหล่านั้นไปประมวลผลต่อไป
1.การเชื่อมโยงเครือข่ายไวร์เลสแลนที่ใช้โครงสร้างการเชื่อมโยงแบบ Ad-hoc ไม่สามารถเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบเครือข่ายอีเธอร์เน็ตได้ เนื่องจากบนระบบไม่มีการใช้สัญญาณเลย
2. การเชื่อมโยงระบบแบบ Infrastructure (Client/Server)
          โครงสร้างการเชื่อมโยงระบบแบบ Infrastructure หรือ Client / Server มีข้อพิเศษกว่า     1. การเชื่อมโยงระบบแบบ Ad-hoc (Peer to Peer) 
          โครงสร้างการเชื่อมโยงระบบแบบ Ad-hoc หรือ Peer to Peer เป็นการสื่อสารข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ไร้สายและอุปกรณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไป โดยที่ไม่มีศูนย์กลางควบคุมอุปกรณ์ทุกเครื่องสามารถสื่อสารข้อมูลถึงกันได้เอง ตัวส่งจะใช้วิธีการแพร่กระจายคลื่นออกไปในทุกทิศทุกทางโดยไม่ทราบจุดหมายปลายทางของตัวรับว่าอยู่ที่ใด ซึ่งตัวรับจะต้องอยู่ในขอบเขตพื้นที่ให้บริการที่คลื่นสามารถเดินทางมาถึงแล้วคอยเช็คข้อมูลว่าใช่ของตน หรือไม่ ด้วยการตรวจสอบค่า Mac Address ผู้รับปลายทางในเฟรมข้อมูละบบแบบ Ad-hoc ตรงที่มีแอ็กเซสพอยน์เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยง (ทำหน้าที่คล้ายฮับ) และเป็นสะพานเชื่อมเครื่องคอมพิวเตอร์ไร้สายอุปกรณ์ไวร์เลสแลนเข้าสู่เคลือข่ายอีเธอร์เน็ตแลนหลัก (Ethernet Backbone) รวมถึงการควบคุมการสื่อสารข้อมูลอุปกรณ์ไวร์เลสแลน 

อุปกรณ์สำหรับการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย Wireless LAN
          1. แลนการ์ดไร้สาย (Wireless LAN Card)
          ทำหน้าที่ในการ แปลงข้อมูล ดิจิตอล ที่ได้จากการประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นคลื่นวิทยุแล้วส่งผ่านสายอากาศให้กระจายออกไป และทำหน้าที่ในการรับเอาคลื่นวิทยุที่แพร่กระจายแปลงเป็น ข้อมูลดิจิตอล ส่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ประมวลผล Wireless LAN ที่ผลิตออกมาจำหน่าย มีหลายรูปแบบแบ่งตามลักษณะช่องเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ได้ดังนี้ 
แลนการ์ดแบบ PCI 
แลนการ์ดแบบ PCMCIA 
แลนการ์ดแบบ USB
แลนการ์ดแบบ Compact Flash (CF)         

          2. อุปกรณ์เข้าใช้งานเครือข่าย (Wireless Access Point)
          ทำหน้าที่เสมือน ฮับ เชื่อมเครื่องคอมพิวเตอร์ไร้สายและอุปกรณ์ไวร์เลสแลนแบบต่าง ๆเข้าด้วยกัน อีกทั้งเป็นสะพานเชื่อมต่อ เครื่องไวร์เลสแลนเข้ากับเครื่องอีเธอร์เนตทำให้ระบบทั้งสองสามารถสื่อสารกันได้          

        3. สะพานเชื่อมโยงไร้สาย (Wireless Bridge) 
          ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงระบบ เครือข่ายอีเธอร์เน็ตแลนตั้งแต่สองระบบขึ้นไปเข้าด้วยกันแทนการใช้สายสัญญาณ ข้อมูลที่สื่อสารระหว่างเครือข่ายอีเธอร์เน็ตจะถูกแปลงเป็นคลื่นวิทยุแล้วถูกแปลงไปยังปลายทาง
          4. Wireless Broadband Router
          ทำหน้าที่ในการต่อเข้ากับระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านคู่สายโทรศัพท์ (ADSL) หรือ เคเบิลทีวี (UBC) ด้วยเทคโนโลยี Broadband Router ซึ่งมีฟังชันการทำงานเป็นตัวค้นหาเส้นทาง, NAT (Network Address Translation) , Firewall , VPN ๆลๆ มาผสมผสานเข้ากับ Access Point ทำให้ผู้ใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ไร้สายสามารถสื่อสารข้อมูลไปยังระบบอินเทอร์เน็ต
          5. Wireless Print Server 
          อุปกรณ์การแชร์เครื่องพิมพ์บนระบบเครือข่าย Wireless LAN         

         6. Power Over Ethernet Adapter           ทำหน้าที่แยกสาย UTP ที่มีสายทองแดงตีเกลียวอยู่ข้างใน คู่โดยสายทองแดงสำหรับใช้สื่อสารข้อมูลใช้เพียง 2 คู่เท่านั้น ส่วนสายทองแดงอีก คู่สามารถใช้อุปกรณ์ตัวนี้นำมาใช้เป็นเส้นทางสำหรับส่งแรงดันไฟฟ้าไปให้กับตัว Access Point ได้        
         7. สายอากาศ (Antenna) 
        ทำหน้าที่เปลี่ยนข้อมูลในรูปของกระแสไฟฟ้าที่ส่งออกมาจากภาคส่งของอุปกรณ์ไวร์เลสแลนให้กลายเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแพร่กระจายออกไปในอากาศและสายอากาศยังทำหน้าที่รับเอาคลื่นที่อุปกรณ์ไวร์เลสแลนเครื่องอื่น ๆ ส่งออกมาแปลงกลับให้อยู่ในรูปของกระแสไฟฟ้าส่งให้ภาครับต่อไป
ประโยชน์ของระบบ Wireless LAN
         1. สะดวกในการเคลื่อนย้าย ติดตั้ง เนื่องจาก WLAN ไม่จำเป็นต้องมีสายเคเบิ้ลในการต่อพ่วง 
          2. ง่ายในการติดตั้ง เพราะไม่จำเป็นต้องเดินสายเคเบิ้ล 
          3. ลดค่าใช้จ่าย เนื่องจากไม่ต้องจำเป็นต้องเสียค่าบำรุงรักษา ในระยะยาว 
          4. สามารถขยายเครือข่ายได้ไม่จำกัด
ข้อเสียของระบบ Wireless LAN
          1. มีอัตราการลดทอนสัญญาณสูง นั้นหมายความว่า  ส่งสัญญาณได้ระยะสั้น 
          2. มีสัญญาณรบกวนสูง
          3. ต้องแชร์กันใช้ช่องสัญญาณคลื่นความถี่เดียวกัน
          4. ยังมี หลายมาตรฐาน ตามผู้ผลิต แต่ละราย ทำให้มีปัญหาในการใช้งานร่วมกัน
          5. ราคาแพงกว่าระบบเครือข่ายแบบมีสาย 
          6. มีความเร็วไม่สูงมา


ขอขอบคุณ :
 http://www.kmitl.ac.th/~s4631117/54631119/54631119.htm

Share

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More